
1. เฉยชากับความทุกข์หรือความสุขของอีกฝ่าย
เมื่อคนรักเรามีความสุข เราก็จะมีความสุขไปด้วย เมื่อเขามีความทุกข์เราก็จะกระวนกระวายทุกข์ใจไปด้วย ความรู้สึกของอีกฝ่ายมีผลต่อความรู้สึกของเรา แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
อย่างแฟนไม่ได้ทานข้าวเช้าไปทำงาน คุณก็จะนึกเป็นห่วงว่าเขาจะ ป ว ด ท้ อ ง ไหมนะ? เมื่อแฟนมีปัญหาทำให้ทุกข์ใจ คุณก็จะทุกข์ใจไปด้วยคุณรู้สึกว่าปัญหาของคนรักก็เหมือนกับปัญหาของคุณ
แต่เมื่อไหร่ที่คุณไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับความทุกข์ของคนรัก หรือไม่รู้ยินดีที่เห็นคนรักมีความสุข ความรู้สึกเฉยชานี้ แปลว่าความรู้สึกของคุณไม่เชื่อมโยง กับความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้วหรือเปล่า? คุณอาจจะหมดรักไปแล้วก็เป็นได้
2. ไม่อยากเจอหรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร
ช่วงนี้คุณเจอคนรักบ่อยหรือเปล่า? เป็นการพบเจอ ที่ถูก ก ร ะ ตุ้ น จากความรู้สึกโหยหาหรือเพราะเป็นแฟนกันจึงเป็นเหตุผลให้คุณไปเจอคนรัก เมื่อคุณตกหลุมรัก ส า ร เ ค มี ใน ส ม อ ง จะหลั่งออกมา
ซึ่ง ส า ร เหล่านี้ไม่ต่างจาก ย า เ ส พ ติ ด มันจะทำให้คุณคิดถึงและรู้สึกโหยหาคนรักอยู่ตลอดเวลา คุณไม่สามารถหาเหตุผลให้กับความรู้สึกนี้ได้นอกจากคำว่า ‘รัก’ หากช่วงนี้คุณไม่อยากเจอคนรักหรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร
หากคุณคิดว่าวันหยุดจากงานยุ่งๆ ชวน ป ว ด หั ว คุณไม่อยากจะสละเวลาพักผ่อนให้กับคนรัก ทั้งที่เมื่อก่อนการได้เจอคนรักถือเป็นการเติมพลังจากเรื่องเหน็ดเหนื่อยที่คุณพบเจอ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้บ่งบอกว่าความรู้สึกของคุณเปลี่ยนแปลงไป
เพื่อความชัดเจนคุณอาจจะไปเจอคนรัก หากคุณยังรักเธอสารเคมีใน ส ม อ ง จะหลั่งโดปามีนออกมา ทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจกับช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน
3. ไม่อยากรับรู้หรือ แ บ่ ง ปั น เรื่องราว
อยู่ไหน? ทำอะไร? ทานข้าวหรือยัง? ตื่นยัง? เป็นคำถามที่ดูเหมือนไม่มีอะไรลึกซึ้ง แต่กลับเป็นบทสนทนาสุดคลาสสิก ที่คู่รักส่วนใหญ่คุยกันตั้งแต่เริ่มจีบกันจนกระทั่งตกลงปลงใจที่จะคบหากัน คุณยังสนใจอยากรับรู้เรื่องราวเหล่านี้หรือยังยินดีที่จะตอบกลับข้อความเหล่านี้เดิมๆ ซ้ำๆ เหมือนเมื่อครั้งจีบกันอยู่หรือเปล่า?
เมื่อคุณสนใจหรือรักใครคุณก็อยากจะรับรู้เรื่องราวของเขาและอยากจะบอกเล่าเรื่องราวของคุณให้อีกฝ่ายรับรู้ มีทั้งเรื่องไร้สาระ เรื่องจริงจัง แม้จะใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนๆ เดิม แต่กลับมีเรื่องราวมากมายมายมา แ บ่ ง ปั น กัน
หากคุณไม่อยากรับรู้เรื่องราวเหล่านี้หรือเบื่อที่ตอบคำถามเหล่านี้แล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกถึงอาการหมดรักที่คุณจะสามารถใช้สังเกตตนเองและคนรอบข้างได้
4. ความเบื่อหน่าย
ไม่มีความรู้สึกร่วมกับความทุกข์หรือความสุข ของคนรัก ไม่อยากเจอหรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร ไม่อยาก แ บ่ ง ปั น หรือรับรู้เรื่องราวของอีกฝ่าย อาการเหล่านี้แสดงออกว่าคุณกำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับความสัมพันธ์
คุณเบื่อหน่ายกับเรื่องราวของคนรัก เบื่อกับการต้องคอยตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวันคุณไม่สนใจว่าการไม่ได้คุยกันหรือเจอหน้ากันจะทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหิน และหากว่าคุณไม่สนใจว่าสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของคุณกับคนรักจะเป็นไปในทิศทางใด
ไม่ว่าคุณจะเบื่อหน่ายคนรักหรือเบื่อหน่ายความสัมพันธ์ สุดท้ายแล้วความเบื่อหน่ายอาจนำไปสู่การยุติความสัมพันธ์ได้
5. ชวนทะเลาะได้ทุกเรื่อง
เคยมีเหตุการณ์ทะเลาะกัน ที่ทำให้คุณสงสัยบ้างไหมว่า “ทำไมเราถึงทะเลาะกันเรื่องนี้นะ? ทั้งที่เมื่อก่อนเรื่องนี้ไม่เคยเป็นปัญหา จนทำให้เราทะเลาะกันเลย” เมื่อคนเราเริ่มเบื่อหน่ายกันแล้ว เรื่องที่เคยยอมรับได้ อะไรที่ปล่อยผ่านได้ตลอด หรือแม้แต่เรื่องที่ไม่น่าจะมีปัญหา
ทุกเรื่องกลับสามารถสร้างความขัดแย้งให้คุณกับคนรักได้ซะงั้นพฤติกรรมปกติของคนรักอยู่ดีๆ ก็สร้างความหงุดหงิดใจให้แก่คุณ ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาที่คุณเคยปล่อยผ่านได้เสมอมา
กลับกลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้เกิดการทะเลาะกัน รุ น แ ร ง เกินกว่าเหตุ หากคุณทะเลาะกันด้วยเรื่องเหล่านี้ อยู่บ่อยๆ คุณควรจะตั้งคำถามกับความสัมพันธ์และความรู้สึกของคุณได้แล้วว่า ความรักที่คุณมีต่อกันยังคงอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า?
6. จินตนาการถึงอนาคตโดยไม่มีอีกคนอยู่ในนั้น
พรุ่งนี้ สุดสัปดาห์นี้ เดือนหน้า อีก 1 ปีข้างหน้า อีก 2 ปีข้างหน้า ในช่วงเวลาที่เติมเต็ม ไปด้วยความรัก คุณจะคิดถึงอนาคตของคุณโดยคำนึงถึงคนรักด้วย ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว อาจจะแพลนเล็กๆ เช่น ไปทานข้าว ดูหนัง เที่ยวต่างจังหวัด หรืออาจจะเป็นแพลนที่ต้องวางแผนและคิดให้รอบคอบ
เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เรียนต่อ เมื่อคุณจินตนาการถึงอนาคตข้างหน้าว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ภาพที่คุณเห็นจะมีคนรักของคุณอยู่ด้วยหากภาพในจินตนาการ ของคุณหรือแพลนของคุณในอนาคตเริ่มไม่มีคนรักอยู่ในนั้น คุณอาจจะแค่ลืมนึกถึง
แต่นี้ก็เป็นสัญญาณที่มากพอว่าคุณไม่สนใจ หรือเริ่มหมดรักอีกฝ่ายแล้ว คุณเริ่มมองเห็นแต่ตัวเอง คนรักแทบจะไม่มีบทบาทต่อชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และการตัดสินใจใดๆของคุณ
7. มีความลับและข้ออ้างมากขึ้น
เพราะเบื่อหน่ายและไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้ามามีบทบาทในชีวิต ตนเองเหมือนอย่างเคย จึงทำให้คุณต้องปิดบังบางอย่างไม่ให้คนรักรู้ คุณเริ่ม โ ก ห ก คนรักบ่อยครั้ง คุณมีข้ออ้างมากมายให้กับความเปลี่ยนแปลงของคุณ ข้ออ้างที่คุณเริ่มตอบข้อความช้า
ข้ออ้างที่ไม่ยอมไปเจออีกฝ่ายในวันหยุด เมื่ออีกฝ่ายเซ้าซี้หาคำตอบ ก็อาจจะลงเอยที่การทะเลาะกัน จนทำให้คุณรู้สึกว่าอย่ามาคุยกันเลยแบบนี้ อย่าเจอกันเลยถ้าจะลงเอยด้วยสถานการณ์แบบนี้
8. คุณตกหลุมรักคนอื่น
เมื่อคุณตกหลุมรักใครอีกคน คนรักของคุณจะเป็นคนรักของคุณแค่สถานะ เพราะคุณคงไม่รักเขาแล้ว คุณไม่มีความรู้สึกร่วมกับความทุกข์-สุขของอีกฝ่ายเพราะความรู้สึกของคุณ เชื่อมโยงกับอีกคน คุณไม่อยากเจอเขาเพราะคุณมีอีกคนที่คุณอยากเจอมากกว่า
คุณเบื่อและไม่อยากรับรู้หรือ แ บ่ ง ปั น เรื่องราวใดๆของคุณกับคนรักเพราะคุณมีคนที่อยากคุยด้วยแล้ว คุณลดบทบาทของคนรักคุณมีความลับและข้ออ้างมากมาย เพื่อไม่ให้คนรักรู้ว่าคุณกำลังหลงรักอีกคนที่ไม่ใช่เขาผมไม่ได้หมายความว่าอาการหมดรักที่กล่าวมาก่อนหน้านี้
แปลว่าคุณตกหลุมรักคนอื่น แต่หมายถึงเมื่อคุณตกหลุมรักคนอื่น ระหว่างคงสถานะคนรักกับอีกคน คุณจะแสดงออกเกือบทุกอาการที่กล่าวมา เพราะว่าคุณหมดรักอีกฝ่ายแล้วนั่นเองในความสัมพันธ์การหมดรัก เป็นเรื่องน่ากลัวก็จริง
แต่การหลอกอีกฝ่ายว่ารักก็อาจจะเป็นเรื่อง เ ล ว ร้ า ย เช่นกัน แต่สิ่งที่ เ ล ว ร้ า ย ที่สุดคงจะเป็นการรักอีกคนในขณะที่มีสถานะกับอีกคนหรือเรียกว่าการนอกใจ ความสัมพันธ์ที่ยุติลงเพราะหมดรักเป็นเรื่องน่าเศร้าแต่ผมว่ามันเข้าใจได้และยอมรับได้มากกว่าการยุติความสัมพันธ์เพราะถูกนอกใจ
ขอขอบคุณ f a i t h a n d b a c o n