
คนที่รวยหรือประสบความสำเร็จไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ละคนล้วนต้องผ่านประสบการณ์ชีวิตที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ในเรื่องเงิ นมาหลายต่อหลายครั้ง และที่สำคัญพวกเขามีระเบียบวินัย
ต่อการเก็บเงิ นสูงมาก ดังนั้นใครก็ตามที่ยังใช้เงิ นแบบไม่วางแผน วันนี้จะพาไปดูว่าคนที่เขาประสบความสำเร็จทางการเงิ นมีวิธีการใช้เงินอย่างไร พฤติกรรมแบบไหนที่เขาทำ แบบไหนที่เขาเลี่ยง
1. ไม่ประเมินสถานะการเงินตัวเอง
การไม่ใส่ใจกับการทำบัญชีรายรับรายจ่ายคือความคิดที่ผิด เพราะการใช้เงิ นโดยไม่ทำบัญชี หรือประเมินสถานะทางการเงินส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุณไม่สามารถเก็บเงิ นได้ พูดง่าย ๆ
คือ มีเงิ นเท่าไหร่คุณก็จะใช้หมด เพราะไม่มีการวางแผนการเงิ นทั้งแบบระยะสั้นที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายรายวันของคุณ และในระยะยาวเช่นการออมเงิ นเพื่ออนาคต จนอาจทำให้คุณเป็นหนี้
ไม่มีเงิ นสำรองยามฉุ กเฉิ น และทำให้ไม่มีเงิ นออมเพียงพอในบั้นปลายของชีวิตหลังเกษียณ ขั้นแรกคุณต้องรวบรวมข้อมูลทางการเงินจากบัญชีธนาคารของคุณ โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ เช่น
รายรับ รายจ่าย ในแต่ละเดือน จากนั้นประเมินสถานะเปรียบเทียบแต่ละเดือนว่ามีพัฒนาการทางการเงิ นเป็นอย่างไร เมื่อคุณรู้พฤติกรรมการใช้เงิ นของตัวเองอย่างถ่องแท้แล้ว คุณจะตัดสินใจ
ทางการเงิ นในครั้งต่อไปได้อย่างรอบคอบมากขึ้น
2. ใช้จ่ายเกินตัว
ลองจินตนาการดูว่าถ้าคุณรวยพันล้าน คุณจะใช้จ่ายอย่างไร ท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญส่วนตัวในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเดินทางรอบโลกเป็นว่าเล่น แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่รวยเป็นพันล้าน
ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่างที่เราเข้าใจเสมอไป คนที่ร่ำรวยมักจะตัดสินใจทางการเงิ นด้วยการประเมินจากสถานะทางการเงินในปัจจุบันรวมไปถึงเป้าหมายที่มีในอนาคต พวกเขารู้จักประมาณตน
ในการใช้จ่ายแต่ละครั้ง ที่สำคัญที่พวกเขาร่ำรวยขึ้นมาได้เพราะพวกเขารู้จัก “หาเงิ น” ไม่ใช้รู้จักแต่ “ใช้เงิ น” เพียงอย่างเดียว ถ้าคุณรู้ตัวว่ามีพฤติกรรมใช้เงิ นเกินตัว หรือมีรายจ่ายที่หมดไป
กับสิ่งฟุ่มเฟือยที่เกินกำลังทรัพย์ คุณต้องรู้จักประเมินตัวเองใหม่ เราได้รู้ว่ามหาเศรษฐีระดับโลกรวยได้เพราะพวกเขารู้จักวิธีทำให้รายรับและรายจ่ายของพวกเขาสมดุลกัน คือมีรายได้ไม่น้อย
กว่ารายจ่าย ด้วยการประหยัดทุกบาททุกสตางค์ก่อนที่คุณจะจ่ายเงิ นในแต่ละครั้ง
3. ไม่วางแผนการเงิ นล่วงหน้าสำหรับเรื่องใหญ่ ๆ ในชีวิต
คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงิ นจะรู้ว่า ตลอดชั่วชีวิตของคนเราจะมีจุดเปลี่ยนสำคัญ ๆ ในชีวิตที่ต้องมีเรื่องเงิ น มาเกี่ยวข้อง เช่น การแต่งงาน การมีลูก การซื้อรถ การซื้อบ้าน หรือ
ภาระอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เงิ นก้อนใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขามีแผนเตรียมพร้อมไว้สำหรับเหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้ พวกเขาเลือกที่จะเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์แทนที่จะให้ปัญหาทาง
การเงิ นเหล่านั้นควบคุมพวกเขาในยามวิ ก ฤ ต ถ้าคุณยังไม่มีแผน ไม่ต้องกังวลใจไป หากชีวิตของคุณมีเรื่องใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้เงิ นเกิดขึ้น ให้พิจารณาอย่างรอบคอบจากสถานะการเงิ นส่วนตัว
ของคุณ แล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนแผนการใช้จ่ายตามสถานการณ์ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ให้เริ่มวางแผนในระยะยาว เช่น การตั้งเป้าเก็บเงินซื้อบ้าน แม้รายได้ในปัจจุบันของคุณจะยังไม่สามารถ
ทำเช่นนั้นได้ การวางแผนไว้ล่วงหน้าไม่ใช่การเพ้อฝัน แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความจำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นสักวันในอนาคตอย่างแน่นอน ถึงเรื่องบางเรื่องจะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่กำลัง
จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าคุณมีวิธีจัดการกับอนาคตไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะนึกขอบคุณในความรอบคอบของตัวเองในวันนี้
4. เสียเงินไปกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
สิ่งที่ทำให้บรรดาคนรวยแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปก็คือ พวกเขาจะไม่ยอมให้เงิ นแม้แต่สตางค์แดงเดียวของพวกเขาสูญเปล่าไปกับเรื่องเล็ก ๆ อย่างการจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าปรับ หรือ
ด อ กเบี้ ยต่าง ๆ เช่น พวกเขาจะไม่ยอมชำระค่าบริการต่าง ๆ ช้ากว่ากำหนดจนเป็นเหตุให้ต้องเสียค่าปรับ ถ้าคุณคิดว่าการเสียค่าธรรมเนียมยิบย่อยต่าง ๆ เป็นเรื่องเล็ก ๆ ลองคำนวณมูลค่า
ของค่าธรรมเนียม ค่าด อ กเบี้ ย หรือค่าปรับทั้งหมดในแต่ละเดือนที่คุณต้องจ่ายไป แล้วคุณจะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่คิด เพราะเงินจำนวนดังกล่าวเมื่อรวมกันสามารถนำไป
ใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ใส่ใจกับการจ่ายค่างวดรถ ค่าบ้าน ค่าประกัน หรือค่าบั ต รเ ค รดิ ตให้ตรงเวลาทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเสียเงิ นโดยใช่เหตุในทุกครั้งที่ต้องจ่ายเงิ น
5. เก็บเงิ นได้แต่ไม่กล้าลงทุน
บางคนเชื่อว่าถ้าอยากรวยต้องประหยัดอดออมมาก ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกแต่ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น คุณต้องทำอย่างอื่นมากกว่าแค่การประหยัด โดยการหาวิธีสร้างรายได้อื่น ๆ นอกเหนือ
จากเงิ นเดือน ซึ่งอาจจะเป็นการเล่นหุ้นเก็งกำไร ล งทุ นในกองทุนรวมต่าง ๆ หรือต่อยอดธุรกิจอื่น ๆเพื่อให้เงินของคุณงอกเงย และช่วยให้คุณขยับเข้าใกล้เป้าหมายทางการเงิ นของคุณ
ได้เร็วขึ้น ถ้าคุณไม่กล้าล งทุ นหรือกลัวเงิ นทุน (หรือเงินออมทั้งชีวิต) ของคุณจะสูญเปล่า ประเมินตัวเองว่าคุณมีความพร้อมแค่ไหนก่อนการล งทุ น ให้ลองศึกษาการลงทุนในรูปแบบใดก็ได้
ที่คุณสนใจดูก่อน เพื่อทำความคุ้นเคยกับมันก่อนการล งทุ นด้วยเงิ นจริง โดยคุณอาจใช้ความถนัดในสาขาอาชีพที่คุณทำงานอยู่ หรือ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างจริงจัง เป็นปัจจัย
ประกอบการตัดสินใจในธุรกิจประเภทนั้น ๆ จำไว้ว่าการกลัวจนไม่กล้าลงทุนใด ๆ ก็เหมือนกับการย่ำอยู่กับที่บนเส้นทางสู่การเป็นเศรษฐีของคุณ
6. เลือกราคาแทนความคุ้มค่า
พวกคนรวยรู้ดีว่าการซื้อสิ่งของที่มีราคาถูกกว่า ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดที่สุดในการใช้เงินเสมอไป พวกเขาไม่ได้ดูที่ราคาถูกหรือแพง แต่พวกเขาจะพิจารณาที่ประโยชน์และความคุ้มค่าในระยะยาว
เช่น การซื้อรองเท้าสักคู่ คุณจะเลือกซื้อรองเท้าแบบใดระหว่าง รองเท้าราคาถูกแต่พังง่าย กับรองเท้าที่มีราคาแพงกว่าแต่ก็มีคุณภาพสมราคาและใช้ได้นานกว่า หากคุณยังมองหาแต่สินค้าที่
มีราคาถูกที่สุด คุณต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เป็นการเลือกสินค้าที่คุ้มค่าเงิ นมากที่สุดแทน นอกจากนี้หลักการ พิจารณาหาทางเลือกที่คุ้มค่าเงิ นมากที่สุด ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับ
การใช้เงิ นในเรื่องอื่น ๆ เช่น การตัดสินใจกู้ยืมเงินจากธนาคาร ในการซื้อบ้าน การซื้อหรือจัดไฟแนนซ์รถ หรือแม้แต่การทำประกัน จำให้ขึ้นใจว่าคุณมีทางเลือกมากมายในมือก่อนที่คุณจ่ายเงิ น
ในแต่ละครั้ง จงเลือกในสิ่งที่คุณคิดว่าคุ้มค่าที่สุด แต่ไม่ใช่ถูกที่สุด
7. สนุกกับใช้เงิ นมากกว่าหาเงิน
ในขณะที่คุณกำลังสนุกกับการวางแผนการใช้เงิ นในวันหยุดพักร้อนจนไม่คำนึงถึงเงิ นในกระเป๋า คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงิ นกลับเลือกที่จะสนุกสนานกับการหาเงิ นไม่ว่าจะมากหรือ
น้อยแทน เพราะคนรวยจะไม่เพียงแค่คิดว่าสิ้นปีนี้จะไปเที่ยวไหน แต่พวกเขาจะคิดวางแผนด้วยว่าปีหน้าจะหาเงินได้ยังไงบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าคุณสนุกกับการหาเงิ นไม่แพ้การใช้เงิน คุณจะ
สามารถหาเงินได้มากขึ้นและกลายเป็นคนรวยได้เหมือนกัน และถึงเวลานั้นเรื่องเงิ นก็จะไม่ใช่ปัญหาของคุณอีกต่อไป
ขอบคุณที่มา : b l o g . j o b t h a i . c o m