Home ข้อคิดดีๆ 5 วิธีคิดของผู้ใหญ่ที่ดี เป็นแบบอย่างให้คนอื่นได้

5 วิธีคิดของผู้ใหญ่ที่ดี เป็นแบบอย่างให้คนอื่นได้

20 second read
0
0

เคยได้ยินไหม บางคนยังเป็นเด็กแต่มีความคิด แบบผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่บางคน ยังมีความคิดแบบเด็กๆ วิธีคิดแบบไหนที่เรียกว่ายังไม่โต แบบไหนที่เรียกว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

เราได้รวบรวม 5 วิธีคิด ที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ และมีความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ลองดูว่าแต่ละวิธีคิด คุณอยู่ใน L e v e l ไหน ถ้าคุณมี Level 1 ก็มีโอกาสพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปได้

1. มองไกล

Level 1: อดทนได้ เมื่อเรามองไกล มองเห็นถึงอนาคตของปัจจุบัน ที่กำลังทำอยู่รู้ว่าถ้าอดทนแล้วจะได้ดี รู้ว่าอดกลั้นแล้วจะผ่านไปได้ด้วยดี เช่น อดทนกับความเหนื่อยยากเพราะรู้ว่าถึงจะลำบาก

สุดท้ายก็สบายทีหลัง อดกลั้นที่จะไม่ทำ ร้ า ย จิตใจคนอื่น เพราะรู้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้ไม่รู้สึกผิดหรืออดกลั้นกับความสะดวกสบาย ชั่ ว คราว เพื่อให้ได้รับความสุขระยะยาวในภายหลัง

เช่น อดทนประหยัดเงิน หารายได้พิเศษ เพื่อจะได้ชำระหนี้ได้หมดเร็วๆ หรืออดทนไม่เล่นโซเชียลมีเดียในเวลางาน จะได้ทำงานส่งทันเวลาและกลับบ้านได้เร็ว เป็นต้น

Level 2: คิดยาวได้ เวลาที่เรา คิ ด สั้ น มักจะหุนหันพลันแล่น ทำอะไรไปโดยไม่คิดหงุดหงิดง่าย แต่ถ้าเราคิดยาวเมื่อไหร่ จะได้ความเข้าใจชีวิตที่มากขึ้น เช่น เรารู้ว่าที่ตั้งใจอ่ า น หนังสือเรียนเพื่ออะไร ออกกำลังกายไปเพื่ออะไร มีระเบียบวินัยไปทำไม

ขยันทำงาน รับผิดชอบในหน้าที่ไปเพื่ออะไรรู้ว่าเวลาไหนควรทำงานหรือเรียน เพื่อให้มีเวลาพักและเล่นได้นานขึ้นและเรา จะเสียโอกาสอะไร หากเราไม่ลงมือทำทันที รวมทั้งเข้าใจธรรมชาติของชีวิตที่เหมือนฤดูกาล มีทุกข์ มีสุข หมุนเวียนกันไป ไม่มีอะไรอยู่ได้นานหรือยั่งยืน

เมื่อเข้าใจชีวิตมากขึ้น เราก็จะปล่อยวางได้ง่ายขึ้น และยอมรับสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามาได้มากขึ้น ไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งใดนานๆ เพราะรู้ว่าอีกเดี๋ยวก็ผ่านไป

Level 3: ตั้งเป้าได้ เมื่อเราเริ่มคิดถึงอนาคต และถามใจตัวเองว่า เราจะอยู่เพื่ออะไร ถ้าเราไม่มีเป้าหมายอะไรเลย เราจะกล้าตัดสินเพื่อตัวเองง่ายขึ้น

เริ่มตั้งเป้าหมายในชีวิต ออกมาจาก Comfort Zone เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง พัฒนาตัวเอง ทำสิ่งที่อยากทำ และทำฝันให้เป็นจริง

2. ใจกว้าง

Level 1: เรียนรู้ได้ ถ้าเราเปิดใจ ออกให้กว้าง เราจะมีพื้นที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้อีกมาก เพราะเข้าใจว่าความรู้ในตัวเรานั้นมีน้อยนิด เหมือนเป็นน้ำครึ่งแก้วที่มีวันเติมได้อีกเรื่อยๆ พร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ด้วยใจที่ปราศจากอคติ เปิดใจรับฟัง สนใจอ่ า น มากขึ้น

ชอบพัฒนาตนเอง และเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนพฤติกรรมหรือปรับวิธีคิดของเรา เพื่อชีวิตที่สงบและพบความสุขมากขึ้น เพราะมีความเชื่อว่า คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้เพียงแค่ให้โอกาสตัวเองได้เปลี่ยนแปลงเท่านั้น

Level 2: ยอมรับได้ การยอมรับความจริง ทำให้เราเป็นอิสระ และไปต่อได้สามารถยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง เป็นตัวของตัวเองได้และยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน

ยอมรับในความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ตัดสินคนอื่นถ้ายังไม่รู้จักเขาดีพอจะทำให้เราพอใจ ในชีวิตของตัวเอง และเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เช่น ถ้าอกหัก แล้วยอมรับว่า คนนั้นไม่ใช่คู่แท้ของเรา ก็จะเปิดใจรอคนที่ใช่ได้เร็วขึ้น

Level 3: ให้อภัยได้ การให้อภัยตัวเอง ทำให้เราเป็นอิสระจากความรู้สึกผิด และพร้อมที่จะเป็นคนที่ดีขึ้นได้ และการให้อภัยคนอื่น จะทำให้เรายอมรับในสิ่งที่เขาเป็นมากขึ้น

และเป็นอิสระจากความไม่พอใจหรือคิดแค้นโทษคนอื่น แถมยังเป็นแรงผลักดัน ให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้อีกด้วย แม้ว่าความสัมพันธ์อาจจะไม่เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เรายึดติดอยู่กับอดีตอีกต่อไป

3. คิดบวก

Level 1: ขอบคุณได้ เมื่อเราคิดบวก จะรู้สึกขอบคุณ ในสิ่งที่เรามี ขอบคุณโอกาสที่ได้รับ ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่คนอื่นหยิบยื่นให้ โลกภายในใจเปลี่ยนไป มองว่าโชคดีมากขึ้น

และเมื่อขอบคุณบ่อยๆ จนเป็นนิสัย จะรู้สึกถึงความพอเพียง พอใจ ภูมิใจในตัวเอง เชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเอง และมีความสุขมากขึ้น

Level 2: โฟกัสได้ เมื่อเรารู้ว่าอะไรดี ไม่ดี เราจะเลือกโฟกัส ในด้านดีๆ เห็นด้านดีๆ ในตัวเองมากขึ้น เผยด้านดีๆ ในตัวเองออกมา พร้อมทั้งโฟกัสด้านบวกในตัวคนอื่นได้ดีขึ้นมองเห็นจุดเด่นของคนอื่น

มองข้ามข้อเสียของคนอื่น หรือถ้าเป็นเรื่องงาน มีปัญหาความท้าทายเข้ามา ก็สามารถมุ่งความสนใจ ไปที่การทำงานให้ผ่านไปได้ด้วยดี มากกว่าที่จะโฟกัสในด้านลบ บั่ น ท อ น จิตใจทำให้ทำงานได้ช้าลง

Level 3: พลิกกลับได้ ในสถานการณ์ ที่ไม่ดี สามารถมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในนั้น เชื่อว่า ความท้าทายจะทำให้เราเป็นคนเก่งและแกร่งขึ้น

รับมือกับปัญหาและอุปสรรคได้เร็วขึ้น เพราะใจที่พร้อมเสมอกับการเปลี่ยนแปลงแม้จะมีความทุกข์ผ่านเข้ามา ก็ไม่ทุกข์นาน เพราะรู้ว่ามันเหมือนฤดูกาลที่สุดท้ายก็พัดผ่านไป

4. ยืดหยุ่น

Level 1: ปรับแผนได้ มีแผนสอง แผนสามหรืออย่างน้อยก็สามารถปรับเปลี่ยน แผนที่กำหนดไว้ได้ ไม่ใช่ตึงเปรี๊ยะ จนไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้อีกเพราะการวางแผนเป็นการคิดล่วงหน้า

สามารถคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคต ได้ว่าถ้าเราทำสิ่งนี้ ผลลัพธ์มันน่าจะเป็นอะไร แต่เราไม่สามารถ ฟั น ธงได้ว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอน และทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ใจต้องการทั้งหมด จึงไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้

Level 2: ปรับตัวได้ ทำตัวให้เหมือนกับน้ำ ที่สามารถปรับไป ตามสภาพของภาชนะ คือ เข้าได้ในทุกสถานการณ์ แต่ไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเป็นเหมือนต้นไม้ที่ลู่ไปตามแรงลมได้

แต่ก็กลับมาตั้งตรงได้เหมือนเดิม ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำเมื่อได้วางแผนไปแล้ว ก็คือ เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถรับมือได้จัดการได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม

Level 3: เผชิญหน้าได้ สามารถเผชิญหน้า กับปัญหาอุปสรรคและความท้าทายได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน งานเยอะ งานยาก งานหนัก เราก็สามารถจัดการได้ เพราะเชื่อในความสามารถของตัวเอง

5. ปล่อยวาง

Level 1: รอคอยได้ ถ้าเราได้ทำ อย่างเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็แค่ปล่อยวาง เราไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่สามารถจัดการได้ เด็กส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจคำว่าปล่อยวาง

เพราะมักจะมีอารมณ์ร้อน อยากเห็นผลลัพธ์ในทันที แต่ต้นไม้ไม่สามารถงอกแล้วโตได้ในวันเดียว คอนโดมิเนียมไม่สามารถสร้างเสร็จในวันเดียวจึงต้องรู้จักการรอคอย และมีความสุขในระหว่างทาง

Level 2: สม่ำเสมอได้ เช่น ถ้าเราอยากมีหุ่นดี ก็ต้องขยันออกกำลังกาย เพื่อสร้าง ก ล้ า ม เ นื้ อ ให้ฟิตและแข็งแรง ซึ่งไม่สามารถทำได้ในวันเดียว ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

หรือถ้าเราอยากจะเก่งในเรื่องอะไร มันไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์ แต่เป็นเรื่องของความสม่ำเสมอในการฝึกซ้ำๆ จนชำนาญ ซึ่งก็ควรจะฝึกด้วยความรู้สึกดี มีความสุข ไม่ใช่เร่งวันเร่งคืน เพื่อให้ถึงวันที่ต้องการ

Level 3: เชื่อใจได้ เชื่อว่าสุดท้าย มันจะเป็นไปได้จริง เชื่อว่าแต่ละคนมีจังหวะเวลาชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเราปล่อยวางเป็น เราจะมีความสุขอยู่กับปัจจุบันและมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่เกิดไม่ว่าจะเป็นอะไร มีแต่ดีกับดี

เช่น ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี ก็สุขใจ แต่ถ้ามีความท้าทายเกิดขึ้น แสดงว่าความท้าทาย นั้นจะมาฝึกให้เราปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีได้อย่างแท้จริง

ความคิดของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีได้เสมอ หากใช้วิธีการที่เหมาะสม ลองเขียนบันทึกประจำวันลงไปในไดอารี่ (Diary) ว่าเราคิดอย่างไรกับตัวเองมองคนอื่นในด้านไหน หรือเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ในวันนี้ จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามีความคิดแบบผู้ใหญ่มากขึ้น

แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นการเขียนบันทึก ในเชิงคิดบวก เขียนขอบคุณ เพราะจะฝึกให้เราสามารถคิดเป็น เรียนรู้ชีวิต และพลิกความคิดให้เป็นบวกได้แม้เด็กๆ จะรู้สึกว่า ไม่อยากโตมาเป็นผู้ใหญ่ ต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆ อย่าง แต่การเป็นผู้ใหญ่ทำให้เรามีอิสระทางความคิด

สามารถเลือกทำในสิ่งที่อยากทำแต่จะต้องไม่ลืมว่า จะต้องรับผิดชอบในการกระทำที่เราเลือกด้วย ถ้าเราคิดแบบผู้ใหญ่ต่อให้เราอยู่ในสถานการณ์ไหน ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี แล้วจะกลัวอะไรกับการเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเรามีวิธีคิดที่ดี

ขอขอบคุณ k u m k o o m

Load More Related Articles
Load More By verrysmiles smiles
Load More In ข้อคิดดีๆ

Check Also

6 คำถามดีๆ ที่พ่อแม่ควรถาม ก่อนลูกจะนอน

หลังจากเด็กๆ ทำกิจกรรมมาทั้งวัน เวลาพักผ่อน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ จะสามารถแส…