Home ข้อคิดดีๆ 12 เทคนิคที่หัวหน้าเก่งใช้ เมื่อลูกน้องต่อต้าน ไม่รับฟัง

12 เทคนิคที่หัวหน้าเก่งใช้ เมื่อลูกน้องต่อต้าน ไม่รับฟัง

7 second read
0
0

ปัญหาอย่างหนึ่ง ที่ทำเอาเจ้านายหรือหัวหน้างาน ป ว ด หั ว ไปตาม ๆ กันก็คือลูกน้องไม่เชื่อฟังหรือลูกน้องไม่เคารพเพราะนอกจากจะทำให้การทำงานยากขึ้นแล้ว

อาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาด้วย ใครกำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ตามไปดูสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหานี้กันครับ

ทำไมลูกน้องไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง ?

ปัญหาเรื่อง ลูกน้องไม่เคารพ ไม่เชื่อฟังหรือไม่เข้าใจหัวหน้า มาจากต้นตอปัญหาเรื่องของการสื่อสาร ระหว่างทีม หากลูกน้องไม่พร้อมที่จะพูดคุยแบบตรงไปตรงมาให้พิจารณาจากพฤติกรรมของลูกน้อง เช่น จากการใช้อารมณ์หรือจากคำพูดในการสื่อสาร

และดำเนินการแก้ไขตามความเป็นจริงปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาโลกแตกของทุกที่ เพราะอย่าว่าแต่ในโลกธุรกิจเลยในสังคมทั่วไป ก็มีปัญหาของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่ไม่เข้าใจกันอยู่เสมออยู่แล้ว

สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญกว่า ในการแก้ปัญหาก็คือการดู ‘เจตนา’ ว่าการไม่เคารพและไม่เชื่อฟัง มาจากเจตนาในการ ต่ อ ต้ า น หรือเป็นแค่ผลเสียของการมีความคิดที่หลากหลายในองค์กร

ลองพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ดูครับ

1.เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ : ไม่ว่าลูกน้องจะเสนอไอเดีย อะไรมาก็ไม่เคยรับฟัง

กุมอำนาจไว้ที่ตัวเองคนเดียว ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

2.ขาดความน่าเชื่อถือ : เช่น ไม่ทำตามคำพูด ไม่ตรงต่อเวลา ไม่มีความมั่นใจบางอย่าง

อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็มีส่วนทำให้ภาพลักษณ์ของหัวหน้าจาดความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน

3.ขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดี : มีการติดต่อกันเฉพาะ เรื่องงานขาดการสื่อสาร ที่ดี ทำให้บางครั้งเกิดความเข้าใจผิดกัน หรือ

4.ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล : เมื่อลูกน้องทำพลาดก็แสดงอาการโมโห หงุดหงิด รวมไปถึงใช้ถ้อยคำ รุ น แ ร ง หรือ ห ย า บ ค า ย

5.ไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน : เช่น ตำหนิความผิดพลาดต่อหน้า ผู้อื่นไม่เคยฟัง ความคิดเห็นหรือไอเดียจากพวกเขา

6.ไม่เคยใส่ใจเรื่องส่วนตัว : เพราะมุ่งแต่ ทำงานให้สำเร็จเพียงอย่างเดียวแต่ เคยสนใจหรือเอาใจใส่ความรู้สึกของผู้ร่วมงานคนอื่นเลย

7.ไม่รู้จักจุดแข็ง-จุดอ่อนของคนในทีม : ทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพของแต่ละคนออกมาใช้ได้ เต็มประสิทธิภาพหรือใช้คนไม่เหมาะสมกับงาน

8.ไม่เคยขอโทษหรือขอบคุณ : เช่น เมื่อสั่งงานผิดพลาดก็ไม่เคยขอโทษ ซ้ำ ร้ า ยอาจจะโยนความผิดนั้น

ไปให้ลูกน้องรวมไปถึงไม่เคยรู้สึกขอบคุณผู้ร่วมงานที่ช่วยกันทำให้งานสำเร็จ

ลูกน้องไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง จะแก้อย่างไรดี ?

1. รักษาระยะห่าง

สาเหตุก็คือ ระหว่างคุณกับลูกน้อง มีความสนิทสนมกันเกินไป เช่น รู้เรื่องส่วนตัวกันและกัน ไปสังสรรค์ด้วยกันบ่อย ๆ หลังเลิกงานหากเจอ คนที่สามารถแยกแยะระหว่างเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัวได้ก็ถือว่าโชคดีไป

แต่ถ้าหากเป็นคนที่เห็นคุณเป็นเพื่อนเล่นตลอดเวลาควรเริ่มรักษา ระยะห่างกับเขาให้มากขึ้น ลดการพูดคุยเรื่องส่วนตัว ให้น้อยลงหากมีโอกาสก็ลองคุยกันตรง ๆ น่าจะเข้าใจกันมากขึ้น

2. เข้าหาคนในทีมให้มากขึ้น

ในทางตรงกันข้ามหัวหน้า บางคนอาจจะมีระยะห่างกับลูกน้อง มากเกินไปเช่น พูดคุยกันเฉพาะเรื่องงาน หรือหัวหน้าเป็นฝ่ายสั่งให้ทำตามอย่างเดียวลองเข้าหาพวกเขาให้มากขึ้น

โดยการชวนคุยเรื่องอื่นนอกเหนือ จากเรื่องงานหรือแสดงความเอาใจใส่ คนทำงาน เช่น ลองชวนคุยเรื่องความสนใจความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งจุดนี้อาจจะเกิดเป็นไอเดียใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปพัฒนางานได้อีกด้วย

3. มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

ถือเป็นอีกหนึ่งสกิล ที่คนเป็นผู้นำควรมีในยุคนี้เพราะคนทำงานมีความรู้สึกนึกคิด บางวันอาจจะต้องจัดการงานเยอะ หรือเจอปัญหามากมาย ที่ทำให้เกิดความกดดัน

หรือความ เ ค รี ย ด และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง หรือมีความจำเป็นที่จะต้องลาด้วยเหตุผลส่วนตัว ควรถามไถ่เหตุผลที่มาที่ไปยื่นมือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา แทนการจับผิดหรือดุด่าว่ากล่าว

4. ลดบทบาทความสำคัญ

หากเจอลูกน้องอีโก้สูง ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง หรือสั่งงานไปแล้ว ไม่ค่อยทำตามหลังจากนี้ค่อย ๆ ลดบทบาทในทีมของเขาให้น้อยลง

เช่น ไม่มอบหมายงานสำคัญ ๆหรือโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ให้ทำ แต่ให้เขารับผิดชอบงานง่าย ๆ หรืองานเล็กงานน้อยให้เขาพอมีผลงานบ้าง

5. ไม่แทรกแซงงาน

หากมอบหมายงานให้ลูกน้องทำแล้ว ก็ควรไว้ใจให้พวกเขาได้รับผิดชอบและคุณก็คอยดูและอยู่ห่าง ๆ ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน

ระหว่างนี้อาจจะลองถามไถ่เป็นระยะเผื่อพวกเขากำลังมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ

6. เปิดใจรับฟังความคิดเห็น

นอกจากนี้หัวหน้าควรเปิดใจรับฟังฟีดแบ็ก ในการทำงาน ปัญหาหรือความคิดเห็นของพวกเขา ไม่ยึดเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เพียงอย่างเดียว และหากมีการพูดคุยกัน ควรปล่อยให้พวกเขาพูดให้จบก่อนไม่ควรพูดแทรกหรือแย้งในทันที

เพราะพวกเขาอาจจะมองว่าคุณปิดกั้นหรือไม่ยอมรับฟังได้ที่สำคัญควรแสดงความเอาใจใส่ หรือห่วงใยพวกเขาจากใจจริง ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง การแสดงออก สีหน้า น้ำเสียง และคำพูด

7. ไม่ตัดสินคนอื่น

หลายครั้งอาจจะพบว่า ผู้ที่เป็นหัวหน้ามีการ วิพากษ์วิจารณ์งานของลูกน้อง อย่าง รุ น แ ร งและบางครั้งอาจมีการใช้คำหยาบคาบ นอกจากจะทำให้ลูกน้องไม่ฟังแล้ว อาจจะทำให้ความสัมพันธ์และบรรยากาศการทำงาน แ ย่ ลงไปด้วย

ซึ่ง อย่าลืมว่าประสบการณ์ การทำงาน มุมมอง และความคิดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันคงจะดีกว่าหากทำความรู้จักลักษณะนิสัยของคนในทีมและเข้าด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับแต่ละคน

8. ยอมรับความผิดพลาดบ้าง

ในฐานะที่เป็นหัวหน้า ก็ต้องการให้งาน ออกมาสมบูรณ์แบบ แต่อย่าลืมว่ามีหลายปัจจัยที่เกินการควบคุม บางครั้งคนในทีมก็มีการทำผิดพลาดกันบ้างการดุด่า หรือกล่าวโทษคนรับผิดชอบอาจทำให้มุมมองที่พวกเขามีต่อเราเปลี่ยนไปและฟังเราน้อยลง

คงจะดีกว่าหากหลังจากช่วยกันแก้ไขปัญหาแล้ว ตัวหัวหน้าเองก็ควรกลับ มาทบทวนด้วย เช่นกัน เช่น เราวางแผนงานมาดีหรือยังให้งานยากเกินไปหรือเปล่า เวลาในการทำงานน้อยเกินไปหรือไม่ พร้อมกับหาทางป้องกันไปด้วย

9. ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม

ไม่ว่าจะเป็นคนเก่า คนใหม่หรือคนสนิท ในเวลางานก็ควรปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม และให้ความยุติธรรมกับทุกคน ไม่ลำเอียงเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง

สามารถตักเตือนและสั่งได้ทุกคนเหมือนกัน ที่สำคัญควรปฏิบัติแบบเดียวกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่นำเรื่องส่วนตัวของลูกน้องไปพูดต่อ

10. ให้พวกเขาตัดสินใจงานเองบ้าง

ในฐานะหัวหน้าไม่ควรกุมอำนาจ ทั้งหมดไว้คนเดียว ควรปล่อยให้ลูกน้องหรือคนในทีมมีอำนาจในการตัดสินใจงานเองบ้างไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะผิดหรือถูก

แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นการกระทำที่ผิดพลาด ก็ควรให้กำลังใจและกันรับผิดชอบ ดีกว่าคอยคำสั่งคุณเพียงฝ่ายเดียว

11. พูดคุยด้วยเหตุผล

หลายครั้งที่ลูกน้องไม่ยอมทำตามคำสั่งเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำหรือจำเป็นต้องเปลี่ยนสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้น ในการสั่งงานควรอธิบายถึงความสำคัญหรือเหตุผลที่จำเป็นต้องให้พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งด้วยจะดีกว่า

12. แสดงความเป็นผู้นำที่ดี

สาเหตุหนึ่ง ที่ลูกน้องไม่เชื่อฟัง เพราะขาดความเชื่อมั่น เช่น เห็นว่าหัวหน้ามีประสบการณ์หรือมีอายุน้อยกว่า ดังนั้น ควรให้เวลาพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อมั่น ในตัวเรามากขึ้นด้วยการให้คำแนะนำที่ดี เป็นหัวหน้าที่พวกเขาเชื่อใจได้สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง

หากลูกน้องไม่ให้ความเคารพเชื่อฟังหรือทำตามคำสั่ง ก็ไม่ควรแสดงอาการโมโห หงุดหงิดหรือด่าทอ เพราะจะยิ่งทำให้ปัญหา แ ย่ ลงแต่จะดีกว่าหากแสดงออกอย่างเหมาะสม พร้อมลองนำวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับคนในทีม

ขอขอบคุณ t h a i w i n n e r

Load More Related Articles
Load More By verrysmiles smiles
Load More In ข้อคิดดีๆ

Check Also

6 คำถามดีๆ ที่พ่อแม่ควรถาม ก่อนลูกจะนอน

หลังจากเด็กๆ ทำกิจกรรมมาทั้งวัน เวลาพักผ่อน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ จะสามารถแส…