
1.อย่าลืมเอาจิตไปพักผ่ อ น บ้ า ง
หลายคนเมื่อเกษียณแล้ว มักใช้เวลาหาแต่ความสุขทาง “กาย” พากายไปเที่ยว ไปพักผ่ อ น ไปสูดอากาศ
ไปกินอ า ห า รดีๆ แต่กลับละเลยไม่คิดที่จะเอาจิตไปพักผ่ อ น ทั้งที่กายกับจิตนั้นสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อกัน ดร.สุเมธ
บอกว่า โดยส่วนตัวทุกครั้งที่มีจังหวะได้พักผ่ อ น เว้นวรรคชีวิตนานๆ
จึงมักถือโอกาสเอาจิตไปพักด้วยการบวช ครั้งล่าสุด บวชตอนอายุ 65 เป็นพระสายวัดป่าอยู่ที่สกลนคร
2.ใช้ชีวิต อย่างมี “สติ”
ไม่ว่าจะเป็นการมีสติในการกิน แทนที่จะกินตามใจปาก สนองความอย า กของตัวเอง แล้วต้องให้ห ม อ จ่ายย า ลดไขมัน
ลดน้ำตาล ทำไมเราไม่ลองหันมาลดที่ “ปาก” ของตัวเอง ด้วยการใช้สติในการพิจารณาอย่างมีเหตุมีผลทุกครั้งในการกิน
3.น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยมี “เหตุผล” เป็นเครื่องนำทาง
เหตุผลเป็นผลผลิตของปัญญา ดังนั้น จึงต้องรั ก ษ า ศีลเสียก่อน และมีสติ สมาธิ
ผลสุดท้ายจะทำให้เกิดการพิจารณาโดยใช้ปัญญาเป็นที่ตั้ง เมื่อดำเนินทุกอย่างด้วยเหตุด้วยผล ก็จะเกิดความพอเพียง
4.ฝึกการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ด้วยหลัก “ทาน” ของทศ พิธราชธรรม
เกษียณแล้ว อย่าเอาแต่อยู่บ้ า นเฉยๆ แต่ให้พย า ย า มหาเรื่องช่วยคนโน้นคนนี้
เท่าที่ร่ า ง ก า ย ของเราจะทำได้ รั ก ษ า ร่ า ง ก า ย ให้แข็งแรง เพื่อทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
5.ฝึกระลึกถึง “มรณานุสติ”
ใครๆ ก็ต า ย ได้ ไม่ว่าใครก็ต้องเจอความต า ย เท่าเทียมกันหมดทุกคน
เมื่อมองเห็นความต า ย เป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้เรานิ่งกับความต า ย
6.อยู่อย่างสง่า ต า ย อย่างสงบ
ตอนมีชีวิตอยู่ต้องมีความสง่างามในตัวเอง ทุกอย่างต้องช่วยเหลือตัวเองได้ ใครเห็นก็ให้ความเคารพนับถือ และเมื่อถึงเวลาต า ย ก็
ต า ย อย่างสงบ อย่าไปกลัวความต า ย จะยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่อต า ย แล้วเกียรติยศเงินทองสะสมไว้แค่ไหนก็ต้องส่งคืนหมด สิ่งเดียวที่
เหลือไว้ คือ ความเป็นตัวตนของเรา ถ้าประกอบคุณงามความดีไว้คนก็ยังนึกถึง
แต่ถ้าประกอบความชั่ ว ไว้มาก คนก็ยังด่าทอไปจนถึงลูกหลาน
7.ร่าเริง รื่นเริง คึกคัก ครึกครื้น
คาถาที่ว่านี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรับสั่งเสมอ เพราะจิตเป็นเรื่องสำคัญ
ต้องมีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา มองเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก จึงจะสามารถทำงานได้สำเร็จรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เมื่อตัวเราร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส บรรย า กาศรอบตัว คนรอบข้างที่อยู่กับเราก็รื่นเริงไปด้วย
8.อักโกธะ หรือ ความไม่โกรธ
เป็นอีกหลักข้อหนึ่งในทศ พิธราชธรรม เพราะเมื่อโกรธแล้ว มักจะเสียหายหากคุมอารมณ์ไม่อยู่ในเรื่องไร้ส า ร ะ
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเรื่องมากระทบใจ แค่ลองพลิกอารมณ์มองให้เห็นเป็นเรื่องสนุกๆ เท่านี้ทุกอย่างก็จบ
9.อวิโรธนะ คือ การดำรงอยู่ในความถูกต้องเสมอ
เป็นหลักทศ พิธราชธรรมที่ต้องรั ก ษ า ให้มั่น หากอย่างปฏิบัติตามในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยยึดหลักธรรมะที่ต้องมีทั้งสองอย่าง
คือ ทั้งความดีและความถูกต้อง เพราะบางอย่างดีแต่ไม่ถูกต้อง บางอย่างถูกต้องแต่ไม่ดี
การกระทำของเราต้องตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา เป็นธรรมหรือเปล่า นั่นคือ ดีและถูกต้องหรือเปล่า
10.รั ก ษ า กายและจิต
ผู้สูงอายุต้องรั ก ษ า กายให้ดี เพราะเงินทองไม่มีประโยชน์ เอาแค่พอเพียงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ที่เหลือเป็นส่วนเกินที่เราไม่ได้ใช้
เรื่องจิตก็สำคัญเช่นกัน ต้องโปร่งใส อย่าไปขุ่นมัวโดยที่ไร้ประโยชน์
คำนึงไว้ว่า เวลาอยู่ในโลกนี้สั้นแล้ว ดังนั้น อย่าเสียเวลาเป็นทุกข์ แต่ให้ Enjoy last minute
10.อย่าหยุดทำงาน
เกษียณแล้ว อย่าเอาแต่นั่งๆ นอนๆ เพราะเมื่อไหร่ที่เราหยุดทำงาน ร่ า ง ก า ย ของเราก็จะหยุดตามลงไปด้วย
เหมือนรถที่จอดเฉยๆ สตาร์ตไม่ติด ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งว่า
อย่าหยุดด้วยจิต และกายก็อย่าหยุดด้วย ทำให้ ดร.สุเมธ ยังคงทำงานทุกวัน ส่งผลให้แข็งแรงจนถึงวันนี้
11.ใช้ชีวิตโดยรั ก ษ า ความเป็นธรรมดาเอาไว้
อย่ายึดติดยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ให้ทำชีวิตอยู่อย่างธรรมดา เรียบๆ ง่ายๆ
เพราะจะยิ่งใหญ่มาจากไหน เกษียณแล้ว ทุกอย่างสูงสุดคืนสู่สามัญ ไม่ต้องเป็นวีไอพีหรอก เพราะจะเป็นวีไอผีอยู่แล้ว
12.ยึดถือคำว่า “ประโยชน์สุข” เป็นเป้าหมายของชีวิต
อะไรไม่มีประโยชน์อย่าทำ อย่าคิดทำ ให้ทำแต่สิ่งที่มีประโยชน์ ผลสุดท้ายสิ่งที่เราจะได้รับคือความสุข
แง่คิดดีๆ จาก ดร.สุเมธ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า คุณค่าและความสุขในชีวิต
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขอายุ แต่อยู่ที่ไลฟ์สไตล์และหัวใจที่ไม่มีคำว่าเกษียณ
… ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “สูงวัยอย่างมีคุณค่า น้อมพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง” ใน
งานประชุมวิชาการประจำปีที่ประชุมผู้บริหารองค์กรของรัฐที่จัดตั้ง
ขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ (ทอพ.) “ประชารัฐร่วมใจ สู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ”
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์