Home ข้อคิดดีๆ 10 วิธีทำให้ตัวเองมีเสน่ห์ จากภายใน แบบนี้ทำให้คนดูดี ดูสวยจริงๆ

10 วิธีทำให้ตัวเองมีเสน่ห์ จากภายใน แบบนี้ทำให้คนดูดี ดูสวยจริงๆ

9 second read
0
0

ว่ากันว่า ต่อให้เราหน้าตาผิวพรรณดี เพียงใด แต่หากขาดเสน่ห์แล้ว ก็กลายเป็นคนที่ไม่มีใคร อ ย า ก คบค้าสมาคม หรืออยู่ใกล้ๆ

รู้ไหมว่านิสัยเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันนี่แหละ เป็นตัวช่วยสร้างเสน่ห์ในตัวคุณ ได้ดียิ่งกว่าอะไรเสียอีก

1.โปรยยิ้ม ย า ม เช้า เริ่มเช้าวันใหม่ ด้วยการทักทายคนอื่นก่อน เมื่อพบคนคุ้นเคย คุณควรจะทักเขาก่อน ที่เขาจะเห็นคุณ และหากบังเอิญหันมาเจอกันพอดี ก็ควรส่งยิ้มให้เขาก่อน

การทักทายคนอื่น ก่อนจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาเป็น “ใครบางคน” ที่มีความหมาย และมีความสำคัญ และนี่คือวิธีสร้างเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นอย่างง่ายๆ โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

2. จดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ รู้ไหมว่า การจดจำ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวของคนรอบข้าง เช่น ชอบกินอะไร ไม่ชอบทำอะไร มีงานอดิเรกอะไร เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่แสดงให้คนรอบข้างคุณเห็นว่า คุณกำลังใจใส่ใจเขาอยู่

คุณอาจแวะซื้อขนมเจ้าอร่อย ไปฝากเพื่อนร่วมงาน เพราะจำได้ว่าเป็นของโปรดที่เขา อ ย า ก กินมานาน…แค่นี้ก็สร้างความประทับใจให้ได้ไม่ ย า ก แล้ว

3.เอ่ยคำชม การพูดชม หรือขอบคุณแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่สำหรับบางคนกลับถือ เป็นเรื่องพิเศษ เมื่อใครทำอะไรดีๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นรปภ.ที่คอยโบกรถให้ แม่บ้านประจำสำนักงาน

หรือบริกรที่นำ อ า ห า ร มาเสิร์ฟ ฯลฯ เพียงคุณเอ่ยคำว่า “ขอบคุณ” ก็จะสามารถสร้างมิตรภาพ และความประทับใจให้อีกฝ่ายหนึ่งได้แล้ว

4.ยินดีอย่างจริงใจ เมื่อคนที่คุณรู้จัก ประสบความสำเร็จหรือมีข่าวดี สิ่งที่ควรทำคือแสดงความยินดีกับเขา ยิ่งเป็นคนที่สนิทมากเท่าไร เขายิ่ง อ ย า ก ให้คุณ แ บ่ ง ปั น ความดีใจกับเขามากเท่านั้น

ในทาง พุ ท ธ ศ า ส น า  การแสดงความยินดีถือเป็นการแสดงมุทิตาจิต ซึ่งหมายถึงว่าผู้พูดมีกุศลจิตที่ดี และเมื่อเรามีกุศลจิต ที่ดีต่อผู้อื่น สิ่งดีๆ ย่อมจะสะท้อนกลับมาหาเราเอง

5.หมั่นอธิษฐานขอพรให้คนอื่น เวลาสวดมนต์ไหว้พระ หรือเข้าวัดทำบุญ เรามักจะอธิษฐานขอพรให้ตัวเอง คราวต่อไปลองอธิษฐาน ขอพรให้คนอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก ญาติพี่น้องเจ้านาย คนที่คุณนับถือ หรือแม้แต่คนที่คุณ (แอบ)รัก

คนที่คอยห่วงใยและมีความปรารถนาดี ต่อผู้อื่น แม้เขาอาจไม่รู้ว่าคุณขอพรให้เขา แต่เชื่อเถอะว่า ในใจคุณจะมีแต่ความสุข

6. อย่า “อะไรก็ได้” คุณเคยเจอคนที่ไม่เคยตัดสินใจ ด้วยตัวเองแม้แต่เรื่องง่ายๆ ไหม อย่างเวลาไปร้าน อ า ห า ร ก็จะบอกว่า “อะไรก็ได้”คนประเภทนี้ มักเป็นคนอ่อนแอไม่เด็ดขาดและถูกโน้มน้าวได้ง่าย

เพราะเห็นดีเห็นงาม ตามคนอื่นเสมอ ควรรู้จักเลือกและรู้จักคิดเอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สะท้อนไปถึงการตัดสินใจ ในเรื่องใหญ่ได้ในอนาคตคนที่เรียนรู้และฝึกฝนในการเลือกมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น

7. ฟังอย่างตั้งใจ การฟัง คือการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง คนที่รู้ตัวว่ามีคนกำลังพูดกับตัวเองอยู่ แต่ไม่สามารถตั้งใจฟังได้ชอบเหม่อลอยหรือใจไม่อยู่กับ เ นื้ อ กับตัว เวลาเกิดเรื่องคับขัน จะไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ การฝึกควบคุมสมาธิจะช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

และยังพัฒนาความสามารถ ในการติดต่อกับผู้อื่นด้วย ฉะนั้นเมื่อไรที่มีคนมาพูดกับคุณ ลองตั้งใจฟังเขา โดยไม่พูดแทรก ไม่ด่วนตัดสิน แต่ฟังให้ได้ยิน สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ แล้วคุณจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ขึ้นมากทีเดียว

8. สิ่งใดที่ยังไม่ลงมือทำ อย่าเพิ่งมองหาข้อผิดพลาด บางคนเมื่อได้รับข้อเสนอ หรือได้รับมอบหมายงานมา มักจะมองหาข้อผิดพลาดหรือหาเหตุผล ของความล้มเหลวไว้ก่อน หรือแม้บางทีที่เป็นคนตัดสินใจเอง แต่กลับคิดว่าจะต้องมีข้อผิดพลาดทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำ

สิ่งนี้จะบ่มเพาะนิสัยไม่จริงใจกับงาน มัวแต่หาเหตุผลมากลบเกลื่อนความไม่จริงจัง ของตัวเอง คนที่คิดหาแต่วิธีเอาตัวรอดจะไม่สามารถ ภูมิใจในตัวเองได้ เพราะฉะนั้นลองทำดูให้เห็นจริงก่อนและเมื่อเกิดอุปสรรค

จงใช้ปัญญาก้าวข้ามมันไปให้ได้ สิ่งนี้ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จและมีความนับถือตัวเองมากขึ้น เมื่อคุณนับถือตัวเองแล้ว ทำไมคนอื่นจะไม่นับถือคุณล่ะ

9.อย่ามองว่าการมาสายใครๆ เขาก็ทำกัน เคยสังเกตไหม ว่าเวลามีนัดกับเพื่อน คนที่มาเช้าก็จะมาเช้าเสมอ ส่วนคนที่มาสายก็จะมาสายประจำคนที่รู้จักเกรงใจ จะต้องขอโทษคนที่มารอก่อน และจะมาเช้าขึ้นในคราวหน้าเพื่อที่จะไม่ต้องให้คนอื่นมารออีก

สิ่งสำคัญอยู่ที่จิตสำนึก คนที่มองว่าการมาสายเป็นเรื่องธรรมดา และมาสายแล้วสายอีกนั้นแสดงถึงการขาดความรับผิดชอบ และยังสะท้อนถึงการขาดความเคารพต่อผู้อื่นด้วย หากไม่ อ ย า ก สู ญ เ สี ย ความน่าเชื่อถือ มีนัดหมายเมื่อไรไปให้ทันหน่อยเถอะ

10.จงเรียนรู้การรับคำขอโทษจากคนอื่น ขณะที่คุณไม่พอใจ หรือโกรธใครบางคน และเขาเป็นฝ่ายเข้ามาขอโทษ หากคุณทำปั้นปึ่ง อาจทำให้สถานการณ์ ยิ่ง แ ย่ เข้าไปอีก วิธีง่ายๆ ที่ อ ย า ก แนะนำคือ ลดทิฐิและทนฟังเขาพูดให้จบ โดยไม่ขัดหรือ พ ย า ย า ม หาข้อโต้แย้ง

เพราะการเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากหากคุณเรียนรู้ ที่จะรับคำขอโทษและให้อภัยได้ คุณคือผู้ที่เข้าถึงหลักพรหมวิหารสี่ และจะเป็นผู้ที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง

ขอขอบคุณ g o o d l i f e u p d a t e

Load More Related Articles
Load More By verrysmiles smiles
Load More In ข้อคิดดีๆ

Check Also

6 คำถามดีๆ ที่พ่อแม่ควรถาม ก่อนลูกจะนอน

หลังจากเด็กๆ ทำกิจกรรมมาทั้งวัน เวลาพักผ่อน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ จะสามารถแส…