
1) ฝึกการพูดคุย สื่อสารอย่างเป็นกันเอง
การฝึกให้ลูกพูดคุย และสื่อสารความต้องการของตัวเองออกมา จะช่วยให้พวกเขาได้ใช้ ก ล้ า ม เ นื้ อ ในการออกเสียงมากขึ้น ทั้งการสะกดคำ การเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ และความกล้าแสดงออก
นอกจากนี้ เด็กที่ช่างพูดคุยมักเป็นเด็กที่ฉลาด แถมยังรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี โดยคุณแม่สามารถใช้คำถามปลายเปิด เพื่อ ก ร ะ ตุ้ น ให้เขาลองคิด
และอธิบายด้วยประโยคที่ยาวขึ้นได้ เช่น “อะไรที่ทำให้หนูรู้สึกดีใจ?” หรือ “ทำไมถึงชอบงานอดิเรกนี้?” เป็นต้น
2) สอนลูกให้เป็นคนดี ด้วยหนังสือนิทาน
การอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน ไม่เพียงแค่จะช่วยให้ลูกคุ้นชินกับการใช้ภาษาและคำศัพท์ที่น่าสนใจ แต่คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถสอดแทรกคติสอนใจ
หรือแง่คิดผ่านการกระทำของตัวละคร เพื่อให้เด็ก ๆ เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แถมยังเป็นการใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันของคนในครอบครัว
3) ทำกิจกรรมที่หลากหลาย
เด็กในช่วงวัยนี้จะมีพัฒนาการที่ดี หากได้เรียนรู้ผ่านการเล่นและลงมือทำ คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้พวกเขาได้ทดลองงานอดิเรกที่หลากหลาย
เพื่อให้ลูก ๆ ได้ค้นพบความชอบและความเก่งของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือการวาดภาพระบายสี ที่สามารถต่อยอดไปเป็นทักษะอื่น ๆ ได้อีกในอนาคต
4) ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เพิ่มพลังความแข็งแรง
การมี สุ ข ภ า พ ที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ เพราะพวกเขา จะได้ฝึกทักษะการใช้ ก ล้ า ม เ นื้ อ
การเคลื่อนไหว ร่ า ง ก า ย อย่างคล่องแคล่ว แถมเวลาที่ลูก ๆ เสียเหงื่อ
ยังเป็นการ ก ร ะ ตุ้ น ร ะ บ บ ไ ห ล เวี ย น ของ เ ลื อ ด ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทำให้ ส ม อ ง มีพัฒนาการที่สมบูรณ์และฉลาดขึ้นตามวัย นอกจากนี้ เมื่อเด็ก ๆ ได้ออกกำลัง
หรือเล่นกีฬา พร้อมเพื่อนคนอื่น พวกเขาจะได้เรียนรู้ทักษะทางสังคมในอีกหลากหลายด้าน
ทั้งการสื่อสาร การแก้ปัญหา การมีน้ำใจ รู้แพ้ รู้ชนะ ที่จะช่วยให้ลูกมีความฉลาดทางอารมณ์ หรือ EQ ที่สูงขึ้นได้นั่นเอง
5) ฟังเพลง เสริมสร้างจินตนาการ
การให้ลูก ๆฝึกฟังดนตรีตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยบ่มเพาะ ความคิดสร้างสรรค์และการผ่อนคลายทางอารมณ์
นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถนำดนตรีมาดัดแปลงเป็นสื่อการสอน ไม่ว่าจะเป็นการจดจำคำศัพท์ ใน เ นื้ อ เพลง
หรือการขยับ ร่ า ง ก า ย ตามจังหวะที่จะช่วยเพิ่มสมาธิให้กับพวกเขาได้
6) ปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูก
คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้เด็ก ๆ ได้ลองตัดสินใจทำบางสิ่งโดยมีเราคอยเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เพราะนั่นจะเป็นวิธีที่ช่วยให้พวกเขาได้ฝึกการคิดและแก้ปัญหา
ยกตัวอย่างเช่น การออกไปซื้อของจากร้านค้าใกล้ ๆให้ลูกได้ลองสอบถามราคา พูดคุยกับแม่ค้าด้วยตัวเอง หากได้รับการฝึกฝนเช่นนี้ อยู่บ่อยครั้ง
พวกเขาจะเติบโตไปเป็นเด็กที่มีความมั่นใจและช่วยเหลือตัวเองได้
7) ฝึกความมีน้ำใจ
การ แ บ่ ง ปั น และเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอีกหนึ่งทักษะ ที่ทำให้ลูกเข้าสังคมได้ดียิ่งขึ้น คุณแม่อาจเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ
เช่น ให้เขานำของขวัญไปมอบให้กับผู้อื่นด้วยตัวเอง หรือฝึกให้ลูก ๆ พูด “ขอบคุณ” ทุกครั้งที่ได้รับความช่วยเหลือจนติดเป็นนิสัย
8) สอนให้เขารู้จักรักและภาคภูมิใจในตัวเอง
หมั่นชื่นชม ให้กำลังใจเมื่อ ลูกทำพฤติกรรมที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กรับรู้คุณค่าในตัวเองและกล้าแสดงออกมากขึ้น
นอกจากนี้ คุณแม่ควรเน้นไปที่การชมแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ลูกเกิดการเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาควรทำ
เช่น “เก่งจังเลย วันนี้หนูช่วยกวาดบ้าน คุณแม่เลยไม่ต้องเหนื่อย” เป็นต้น
9) ลูกเติบโตได้ดี เมื่อมีครอบครัวเป็นแบบอย่าง
ครอบครัวเป็นสังคมที่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้พวกเขาเกิดการซึมซับ
ถ้าอยากให้ลูกเล่นกีฬา เราก็ควรที่จะอยู่เป็นคู่ซ้อมให้กับเขาในบางครั้ง หรือถ้าอยากให้ลูกเป็นเด็กที่สุภาพ อ่อนน้อม
คุณแม่ก็ต้องพูดจาด้วยน้ำเสียงไพเราะ เพื่อให้ลูก ๆ จดจำและทำตามนั่นเอง
10) อย่าลืมสารอาหารที่มีประโยชน์
อยากสอนลูกให้ฉลาดและเป็นคนดี คุณแม่ต้องใส่ใจ ทั้งพัฒนาการทาง ส ม อ ง และ ร่ า ง ก า ย เด็กที่อยู่ในวัยเรียนควรได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
พร้อมด้วยคุณค่าโภชนาการ ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่เติมพลัง อิ่มท้อง ให้พวกเขากระปรี้กระเปร่าพร้อมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งวัน
ขอขอบคุณ m i l o.c o.t h