
ลองคิดดูนะคะ ว่าคุณเป็นแบบนี้หรือเปล่า ใครพูดอะไรหน่อยเป็นไม่ได้เก็บมาคิด คิด คิด คิดจนกลุ้มแล้วก็รู้สึกแ ย่กับตัวเองหรือที่คนชอบเรียกติดปากว่า Fail หรือวันๆ อารมณ์เปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ ตลอดเวลาเมื่อเจอเรื่องต่างๆ รอบตัวมากระทบใจ
ถ้าคุณเป็นแบบนี้ นั่นก็คือคุณเป็น “คนคิดมาก” หรือ “คนที่กลัวคำวิ จ ารณ์” ค่ะ คนคิดมากนั้น ใครว่าอะไรก็คิดมาก ซึ่งถ้าคุณเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ คุณต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วค่ะ
เพราะตราบใดที่คุณต้องอาศัยอยู่ในสังคมที่ต้องมีการติดต่อสื่อส ารกับคนอื่น คุณไม่สามารถเลี่ยงการถูกวิ จ ารณ์หรือกล่าวถึงอ้างถึงได้ตลอดไป คุณต้องใช้ชีวิตที่เหลืออีกกี่ปี มัวแต่มานั่งคิดมาก เครี ย ด แ ย่ เลยใช่มั้ยคะ ดังนั้น มันขึ้นอยู่ที่ตัวคุณเองนั้น จะรับมือกับคำพูดเหล่านี้อย่างไรต่างหาก
สาเหตุหลักที่สุดของคนที่กลัวการวิ จ ารณ์หรือคนคิดมากนั้น คือ การที่มี “ป ม ในอดีต” หรือ “บ าด แ ผ ล ทางใจในอดีต” ที่ยังไม่ได้รับการ รั ก ษ า เยียวย า ทั้งนี้ ป ม ที่เกิดขึ้นนั้นจิตสำนึกของคุณอาจลืมเลือนมันไปตามกาลเวลา แต่จิตใต้สำนึกของคุณนั้นจำได้อย่างแม่นยำทีเดียวค่ะ
ขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครไปพูดหรือทำอะไรที่ไปสะกิด บ าด แ ผ ล ทางใจในอดีตของคุณหรือไม่เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น คนบางคน แม้จะดูภายนอกว่าเก่งและมีหน้าที่การงานที่ดี แต่ไม่สามารถทนรับกับคำวิ จ ารณ์ว่าไม่เก่งหรือไม่มีความสามารถได้ นั่นเพราะในอดีต เขาอาจเคยดำเนินชีวิตหรือทำงานใดๆ
แล้วผิดพลาด ล้ ม เ ห ล ว ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลาหนึ่ง และตัวเขานั้นยังไม่มีการเรียนรู้ และปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อเหตุกาณ์นั้นๆ สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นป ม ในใจที่ใครมาสะกิดก็ไม่ได้เพราะจะรู้สึก Fail ทันทีหรือคนบางคนจะทนให้ใครมาวิ จ ารณ์ เกี่ยวกับใบหน้าหรือรูปร่างไม่ได้เลย
อาจเป็นเพราะในอดีตเคยมีรูปร่างหน้าตาไม่ดีแล้วโดนคนรอบข้างล้อตลอดเวลา พอโตขึ้นมาแม้จะหัดแต่งตัวให้ดูดี ลดหุ่นให้ดูสวยดูเท่ห์ แต่ลึกๆก็ยังกลัวการถูกวิ จ ารณ์เรื่องรูปร่างหน้าตาอยู่ดี เป็นต้น
ดังนั้น หนึ่งในวิธีแก้ไขการคิดมากหรือการกลัวคำวิ จ ารณ์ที่ยั่งยื่นที่สุด คือการกลับไปค้นหาว่าป ม ในอดีตหรือ บ าด แ ผ ล ทางใจในอดีตของคุณว่าคืออะไรบ้าง แต่ละเรื่องมีมากแค่ไหน อย่างไร แล้วทำการเปลี่ยนมุมมองต่อเหตุการณ์นั้นโดยอาศัยการเรียนรู้จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาเป็นบทเรียนสอนใจ
ซึ่งจะทำให้ป ม ที่เคยขมวดแน่น อยู่คลายลงและหายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเทคนิคที่เรียกว่า Time Line Therapy™ ที่ทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้คุณคลายป ม ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและยั่งยืนค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่นที่จะช่วยคุณให้เลิกคิดมากได้ (อาจจะแค่ชั่ วคราว) แต่ก็เป็นวิธีที่ดีและทุกคนควรทราบและนำไปใช้กันนะคะ วิธีเหล่านี้คือ
1. เมื่อใครว่าหรือวิ จ ารณ์อะไรคุณ ให้กลับมามองดูตัวเองว่าคุณเป็นอย่างที่เขาวิ จ ารณ์หรือไม่
– ถ้าคุณเป็นแบบนั้น คุณต้องมาคิดว่าคุณจะแก้ไขตัวเองอย่างไร เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
และขอให้รู้สึกขอบคุณคนที่วิ จ ารณ์คุณด้วยว่าเขาติเพื่อก่
– แต่ถ้าคุณพิจารณาแล้วคุณไม่ได้เป็นแบบที่เขาวิ จ ารณ์ คุณก็ต้องตัดใจค่ะ คนที่พูดพอพูดออกไปแล้วก็จบไป
แต่คุณที่เป็นคนฟังนั่นแหล่ะ ที่เป็นคนแบกรับความเจ็ บใจนั้นไว้ถามว่าใครที่ทุกข์ ก็คือคุณนั่นแหล่ะ
ที่ทุกข์ไม่ใช่คนพูดเลย แล้วถ้ามันไม่จริง
คุณจะเอาคำพูดนั้นมาแบกไว้ในใจให้เจ็ บช้ำทำไม เหมือนกับเพลง “ก้อนหินก้อนนั้น” ของคุณโรส สิรินทิพท์
ที่บอกว่าคำพูดที่บ าด ใจ ก็เหมือนก้อนหินที่คุณกำเอาไว้ ยิ่งกำแน่นคุณเองที่เจ็ บมือ ถ้าเพียงคุณปล่อยก้อนหินนั้นไป
มือคุณก็ไม่เจ็ บ นั่นก็คือใจคุณก็ไม่เจ็ บอีกต่อไป เพลงดีๆ มีมากมายให้สอนใจเราเยอะแยะเลยค่ะ
2. เมื่อใครวิ จ ารณ์หรือ ว่าอะไรคุณ อย่าเพิ่งตอบโต้ ขอให้นิ่งแล้วคิดพิจารณา ถึงเจตนาของเขาก่อนเนื่องจาก
– ถ้าเขาเจตนาดีติเพื่อก่อ ต้องการให้คุณได้ดีและ พัฒนาตัวเอง คุณก็ควรจะคิดพิจารณาถึง สิ่งเหล่านั้น
อย่างเป็นกลางและรู้สึกขอบคุณเขาด้วย
– แต่ถ้าเขาว่าเพราะอิจฉาตาร้อน เกลี ย ด เคียดแค้ น ในตัวคุณ สิ่งที่คุณต้องทำคือหยุดตอบโต้
ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหวเลยค่ะ เนื่องจาก ถ้าคุณยิ่งตอบโต้ ก็จะเหมือนว่าคุณให้ความสำคัญ
กับคำพูดหรือตัวของคนที่วิ จ ารณ์คุณมาก เค้าจะยิ่งได้ใจและพูดไม่เลิกและการไม่ตอบโต้จะเป็นการทำให้เขารู้
ว่าคำพูดเขาไม่ได้สำคัญกับเราและทำอะไรเราไม่ได้ แล้วคนๆ นั้นก็จะหยุดพูดไปเองลองไปดูดาราหลายๆ คนก็ได้
บางคนโดนวิ จ ารณ์แล้วมาแก้ตัวเป็นพัลวัน บางคนโดนวิ จ ารณ์แล้วนิ่งเงียบแบบไหน
ที่ยิ่งโดนวิ จ ารณ์มากกว่ากันก็เห็นๆ กันอยู่
– เมื่อคุณกำลังอารมณ์คุกรุ่นอยู่ นั่นหมายถึง ส มองส่วนของการควบคุมสัญชาติญาณดิบขอบคุณกำลังทำงาน
ได้ดีกว่าส มองส่วนเหตุผลตรรกะและการควบคุมอารมณ์ แสดงว่าเมื่อคนเรากำลังโมโหหรือรู้สึกแ ย่
คำพูดที่จะสวนกลับไปทันทีเมื่อโดนว่า หรือวิ จ ารณ์มักจะเป็นคำพูดที่ขาดความยั้งคิด
และสุดท้ายก็เป็นคุณเองที่ต้องมานั่งเสียใจ กับคำพูดของตัวเองที่ย้อนเอาคืนมาไม่ได้
สุดท้ายแล้ว ขอให้ทุกท่านมองทุกอย่าง ตามความเป็นจริงและเป็นกลางนั่นคือดีที่สุด คุณต้องกล้าเผชิญ
กับความกลัวของตัวเองนั่นก็คือการกลับไปแก้ป ม ในอดีตที่ถูก ห มั ก หมม มารอวัน ร ะ เ บิ ด ซึ่งในที่สุดแล้ว
การ ป ล ด ล็ อ ค ตัวเองออกจากป ม ในอดีตย่อมดีเสมอ และเช่นกัน ถ้าใครสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้นั่น
คือผู้คุมเกมและมีความสุขในชีวิตค่ะ
ขอขอบคุณ l i v i n g w i s e c o a c h i n g