
พูดความจริง แต่ ทำ ล า ย น้ำใจผู้อื่น ย่อมไม่เรียกว่าเป็นคนพูดตรง
อายุที่มาก แต่ไม่รับฟังผู้น้อย ย่อมไม่เรียกว่า เป็นผู้ใหญ่
ไร้กาลเทศะ โดยไม่สนใจใคร ย่อมไม่เรียกว่า เป็นตัวของตัวเอง
ปฏิบัติธรรม แต่ยังนินทา ย่อมไม่เรียกว่าเป็นผู้มีธรรม
คิดเก่ง พูดเก่ง แต่ไม่ทำ ย่อมไม่เรียกว่า เป็นผู้มีความสามารถ
ฉลาดหาเงิน แต่ไม่ฉลาดหาความสุข ย่อมไม่เรียกว่าเป็นผู้มีปัญญา
ละทิ้งระหว่างทาง สนใจเพียงจุดหมาย ย่อมไม่เรียกว่านักเดินทาง
เคยเจอเคยเห็น แต่ไม่เคยได้บทเรียน ย่อมไม่เรียกว่าเป็นประสบการณ์
เสียงผ่านเพียงหู แต่ไม่เคยเข้าใจ ย่อมไม่เรียกว่าได้รับฟัง
ถูก ก ฎ ห ม า ย แต่ผิดธรรม ย่อมไม่เรียกว่า ความถูกต้อง
ดีกับผู้อื่น แต่… แล้งน้ำใจ ต่อบิดามารดา ย่อมไม่เรียกว่า เป็นคนดี
มีเงิน แต่ไม่รู้จักคำว่าพอ ย่อมไม่เรียกว่า เป็นคนรวย
ทำความดี แต่ป่าวประกาศ ย่อมไม่เรียกว่า การทำดี
รอโชควาสนา แต่ไม่เคยพยายาม ย่อมไม่เข้าใกล้
ความสำเร็จเรียนรู้มาก แต่ไม่รู้จักคิด ย่อมไม่เรียกว่าผู้มีความรู้
รู้ทฤษฏี แต่ขังตัว ไม่เคยปฎิบัติ ย่อมไม่เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ
อ่ า น คำคมแล้วไม่ประพฤติ ย่อมหาประโยชน์ไม่ได้เลย
ตา .. ที่มีความสุข.. เห็นแต่ความดี
หู.. ที่มีความสุข.. ได้ยินแต่เรื่องดี
ใจ.. ที่มีความสุข.. เห็นโลกงดงาม
แท้จริงแล้วมันคือ … ” ตัวเราเอง “
ผู้อื่นไม่ได้มีผลมากมาย.. ต่อเรา อย่างที่เราคิด
แต่การที่เราคิดถึง แต่.. เรื่องดีของคนอื่นนั้นส่งผลมากมายต่อเรา
มากกว่าที่คิดใจ ที่เป็นสุข เพราะ.. สัมผัสกับ ”ความคิดดีๆ ” นั้นโดยตรง
คงไม่ผิดนัก.. ที่จะบอกว่า คิดแต่.. เรื่องดี ทำให้มี ” ความสุข ”
ขอขอบคุณ พศิน อินทรวงค์