
ตอนเป็นเด็ก หรืออยู่ในช่วงที่ยังเป็นนักเรียนนักศึกษา หลายคนคงมีความคิดว่าอย ากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ อย ากทำงาน อย ากหาเงิน อย ากรับผิดชอบครอบครัว อย ากยืนหยัดด้วยขาของตัวเอง
แต่รู้หรือไม่ว่าการเป็นผู้ใหญ่ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เส้นแบ่งระหว่างความเป็นเด็กกับความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เป็นการเติบโต เฉพาะเพียงแค่อายุหรือบรรลุนิติภาวะเท่านั้น
อย ากมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ต้องเริ่มยังไงบ้าง
ความคิดเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงการมีความคิดที่แข็งแรงและวุฒิภาวะที่มั่นคงด้วย ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า คนเราทุกคนสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็ตาม เรียกว่า เราสามารถเป็นผู้ใหญ่ได้ ด้วยการเติบโตทางความคิด ที่ต้องมาพร้อม ๆ กับความรับผิดชอบต่อสิ่งต่าง ๆ นั่นเอง
แล้วการจะเติบโตมีความคิด แบบผู้ใหญ่จะเริ่มอย่างไร? แน่นอนว่าไม่ใช่คนเราทุกคนจะทำทุกอย่าง หรือคิดทุกอย่างได้เหมือนผู้ใหญ่ในทันที เพราะยังมีกระบวนการเติบโต (Coming of Age) อย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมอยู่ด้วย เราได้รวบรวม Mindset วิธีคิดในแง่มุมต่าง ๆ
เพื่อช่วยสร้างโอกาสและพัฒนา ให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่ดีในอนาคตมาฝากกัน
1. ควบคุมอารมณ์ให้เป็น
ไม่ว่าเราจะเป็น คนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย หรือขี้โมโหขนาดไหน แต่สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากความเป็นเด็กคือวุฒิภาวะนั่นเอง จริงอยู่การได้ระบายอารมณ์ อาจจะเป็นทางออกที่ช่วยผ่อนคลาย สภาวะจิตใจก็จริง
แต่เมื่ออย ากเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้มากขึ้นเพราะหากเป็นผู้ใหญ่จริง ที่ต้องเผชิญกับชีวิตในหลาย ๆ ด้านนั้น ใครคุมอารมณ์ได้ดีกว่าก็จะกุมความได้เปรียบได้มากกว่าเช่นกัน
เพราะในบางสถานการณ์นั้น การแสดงออกบางอย่างอาจจะทำให้เรื่องราว เล ว ร้ าย ลงไปกว่าเก่า และนั่นก็เพียงพอ ที่เราจะถูกตัดสินว่ายังไม่โตพอ
2. จริงจังกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
การซื่อตรงต่อความคิด และความรู้สึกของตัวเราเองนั้น เป็นเรื่องสำคัญ หากเรามีความเชื่อความศรัทธาต่อสิ่งใด และมุ่งมั่นทำในสิ่งนั้นอย่างจริงจัง จะทำให้คนอื่นมองเห็นเราเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว
เช่น การทำงานที่เราเชื่อว่า แนวคิดแบบนี้ดี หรือความคิดแบบนี้ถูกต้อง ก็ต้องทำจนพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เราเชื่อนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้หมายถึงความดื้อดึงนะ
เพราะทุกอย่างต้องวางอยู่บนหลักการ และเหตุผลที่เหมาะสมด้วย ซึ่งอาจจะรวมทั้งงานอื่น ๆ เช่น งานอดิเรกที่คิดแล้วลงมือทำ ตั้งใจทำอย่างดีที่สุด หากผลออกมาดีเราก็จะนับถือตัวเราเองมากยิ่งขึ้น
3. รู้จักให้เกียรติผู้อื่น
ในสังคมที่เราต้องอยู่ร่วมกัน กับผู้อื่น การรับฟัง หรือการเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างกันนั้นมีความสำคัญ ที่จะบ่งบอกได้เลยว่า เราโตพอหรือเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว
แต่หากเรายังเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟัง หรือทำอะไรตามใจตัวเอง โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของคนรอบข้าง ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ของทุกเรื่องราว ก็จะทำให้คนอื่นมองเราเหมือนเป็นคนมีความคิดแบบเด็ก ๆ
ความคิดไม่โตพอหรือหนักเข้าจะมองว่า เราเป็นคนที่ไม่ยอมรับเหตุผลและไม่ให้เกียรติคนอื่น
4. ยืดอกยอมรับในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
คำกล่าว ว่าพลั ง อันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่นั้น เป็นเรื่องจริงที่สุด เพราะในชีวิตเรายังต้องพบเจอกับปัญหา และอุปสรรคอีกหลาย ๆ อย่าง การตัดสินใจของเรา อาจจะไม่ใช่เรื่องถูกต้องเสมอไป
แต่นั่นก็ไม่เท่ากับ กับการกล้ายอมรับผลของการตัดสินใจ ไม่ว่าจะออกมาถูกหรือผิด หากคิดถูกก็ภูมิใจกับมัน หากคิดผิดก็ยืดอกยอมรับ และกล่าวคำขอโทษอย่างกล้าหาญ
การยอมรับทุกคำพูด และการกระทำของตัวเรา เองอย่างจริงใจนี่แหละ เป็นตัวบ่งชี้ถึงความเป็นผู้ใหญ่อย่างชัดเจนมากที่สุด
5. รู้จักประมาณตนเอง
เมื่อเราวางแผนผังชีวิต ได้แล้ว การเดินตามเส้นทางจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ต้องทำ แน่นอนว่าระหว่างทางอาจจะต้องพบเจออะไร มากมายไปหมด ที่อาจจะเข้ามาเบี่ ย ง เบ น เป้าหมายหลักของเราแต่อีกสิ่งหนึ่งที่จะมาเป็นตัวชี้วัดความเป็นผู้ใหญ่ที่มากพอของเราได้
นั้นก็คือ การรู้จักประมาณตนเอง การรู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะต่อการกระทำต่าง ๆ การรู้กำลังของตัวเราเองว่า ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้มากแค่ไหน เพราะหากเราประมาณตัวเองได้ เราก็จะควบคุมแผนงานทั้งหมดได้ง่ายมากขึ้น ยกตัวอย่างใกล้ตัวเรื่องค่าใช้จ่าย
หากเรารู้ตัวว่าควรจะใช้จ่ายเท่าไหร่ ต่อเดือน สิ่งไหนจำเป็น สิ่งไหนฟุ่มเฟือย สิ่งไหนจ่ายก่อน จ่ายหลังและสิ่งไหน ไม่ควรจ่าย นั่นเท่ากับว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวขึ้นมากแล้วจริง ๆ
6. พูดคุยให้รอบด้าน
บางครั้งการพูดคุย เฉพาะเรื่องที่เราสนใจเท่านั้น อาจจะทำให้เรากลายเป็นคนมีวิสัยทัศน์ คับแคบไปเลย หรืออาจจะถูกมองว่าไม่เป็นผู้ใหญ่ เพราะมีความรู้ไม่รอบด้าน การเลือกเรื่องที่จะคุย เช่น ข่าวส ารบ้าน เ มื อ ง ความรู้ เทคโนโลยี ประสบการณ์ต่าง ๆ จะทำให้เราดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
การพุดคุยเรื่องต่าง ๆ ที่ว่ามานั้น อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นผู้รู้ ขอเพียงเป็นผู้สนทนาที่ดีวางตัวให้ดี หากสนใจก็ควรซักถาม ซึ่งก็จะรวมถึงการวางตัวให้เหมาะ กับกลุ่มสนทนาด้วย เพราะไม่จำเป็นที่เราต้องคุยกับคนแนวเดียวกัน ชอบเรื่องเดียวกัน หรือมีวัยใกล้เคียงกันเสมอไป
และที่สำคัญไม่ว่า เราจะพูดคุยกับใคร การใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง เป็นเรื่องจำเป็นมากที่สุด
7. หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้ าย หรือพูดลับหลัง
หากเราต้องการ เป็นที่เคารพนับถือทั้งต่อหน้าและลับหลัง ต้องหลีกเลี่ยงการจับกลุ่มนินทา พูดถึงหรือกล่าวหาคนอื่นในทางลับหลังด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะหากคน ๆ นั้นรู้เข้าทีหลัง ก็จะเสื่ อ ม ศรัทธาในตัวเราและถึงไม่รู้ก็ตาม เราอาจจะสูญเสี ย ความนับถือตัวเองได้เหมือนกัน ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ส่งผลเสียอยู่ดีการจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ที่ดีนั้น ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เข้าใจความรู้สึกคนอื่น
หากมีปัญหาที่ต้องพูดคุยหรือว่ากล่าวตักเตือนกัน การพูดตรง ๆ ต่อหน้าจะช่วยสร้างความเคารพนับถือ ได้มากกว่าแน่นอน แต่การพูดตรง ๆ นั้นก็ควรเป็นการพูดที่รักษ า น้ำใจ
8. มีน้ำใจต่อทุกคน
ว่ากันว่า ความคิดที่ดีมาจากการกระทำที่ดี และการที่จะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ที่ทุกคนให้การยอมรับ ก็ต้องไม่ลืมการมีน้ำใจที่มอบให้ต่อคนทุกคนเช่นกัน จำไว้เลยว่า การที่มีคนเคารพยกย่องนั้น ไม่ได้หมายถึงจะคอยเป็นผู้รับอยู่ตลอดเวลา
การปรับตัวเป็นผู้ให้ หรือเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะยิ่งได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้ใหญ่ที่ดี ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครมีปัญหาเราก็อาจจะเข้าไปช่วยเหลือให้คำแนะนำ ช่วยหยิบของให้เมื่อใช้งานร่วมกัน
หรือกล่าวคำชมเมื่อใครทำอะไรให้เรา การคิดถึงประโยชน์ส่วนรวม เป็นหลักนี่แหละ ที่จะบ่งบอกวุฒิภาวะของเรา
9. วางเป้าหมายอย่างมีแบบแผน
การวาดแผนผัง อนาคตที่ชัดเจน จะทำให้เรามีความคิดมุ่งมั่นไปข้างหน้า และเป็นอีก 1 องค์ประกอบ ที่บอกได้ว่าเราเป็นผู้ใหญ่ชัดเจนมากขึ้นเพราะการกำหนดเส้นทางของชีวิต ทำให้เราเลือกที่จะเดินอยู่บนเส้นทางอย่างแน่วแน่ มีเป้าหมาย จะทำให้เรารู้ศักยภาพของตัวเรา
กล้าที่จะประเมินตัวเอง ตลอดเวลา ทำให้เป็นคนรู้ผิด-รู้ถูก รับผิดชอบและทำงานทางความคิดอยู่ตลอดเวลา เมื่อคิดอย่างเป็นระบบนั่นเอง
10. ทัศนคติที่ดี มีความยืดหยุ่น
หากตอนเป็นเด็ก มีแต่ความดื้อดึงอย ากเอาชนะ แต่เมื่อมีความคิดที่โตขึ้น ก็ต้องรู้จักปรับตัวให้ได้กับทุกสถานการณ์ แผนงานทุกอย่างต้องสามารถยอมรับ ปรับเปลี่ยนได้ รวมทั้งทัศนคติและความคิดที่ต้องไม่ตึงจนเกินไป แม้ว่าการวางแผนจะเป็นเรื่องสำคัญ
แต่การมีความยืดหยุ่น สามารถปรับแผนได้นั้นสำคัญยิ่งกว่า เพราะบางเรื่องเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่ในทางกลับกัน เราสามารถคุมทัศนคติ และความรู้สึกของตัวเองได้แน่นอน การปรับตัวรับมือได้กับทุกสถานการณ์นั่นต่างหาก ที่จะบอกได้ว่าเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วหรือยัง
การมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ที่ดีนั้น ไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยสิ่งที่เรียกว่า Age of Majority การบรรลุนิติภาวะเพียงอย่างเดียวเสมอไป จะเห็นได้จากการที่หลาย ๆ ประเทศ กำหนดเกณฑ์ อายุผู้ที่จะบรรลุนิติภาวะแตกต่างกันไป เพราะโดยความเป็นจริงนั้น
เราทุกคนสามารถมีความคิด ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแค่มีหลักการและเหตุผล มีความคิดที่รอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน มีสติสัมปชัญญะ สามารถดูแลความคิดตัวเอง และรับผิดชอบต่อผลของการกระทำในทุก ๆ ด้านได้
ซึ่งรวมไปถึงการรู้จักวางแผนอนาคต หากทำได้อย่าง ที่ว่ามาแล้วนั้น ก็เท่ากับว่าความคิดเป็นผู้ใหญ่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างชัดเจน
ขอขอบคุณ คุณ T i g e r R a t t a n a