
‘ฉันเป็นคนตรงๆ’ ประโยคเด็ดที่หลายคน อาจจะเคยได้ยิน (หรืออาจจะเคยพูดเองด้วย) มักเป็นประโยคที่ต้องการสื่อความหมายไปในทางที่ว่า ตนเองเป็นคนจริงใจ, โ ก ห ก ไม่เป็น,
คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ยิ่งพ่วงมากับบุคลิกที่มั่นใจ แรงๆ คนที่พูดก็จะยิ่งรู้สึกว่าตนเองกำลังทำ สิ่งที่ถูกต้องอยู่ แต่รู้หรือไม่ ว่าในบางครั้ง คำพูดที่ตรงเกินไป มันอาจทำร้ าย สภ าพ จิตใจคนอื่นได้โดยที่เราไม่รู้ตัว
พระเมธีวชิโรดม – ว.วชิรเมธี เคยกล่าวไว้ว่า การพูดตรงๆ มีทั้งข้อดีและข้อร้ าย ข้อดีคือรู้เรื่องง่าย ข้อร้ ายคือคนไม่ชอบหน้า ซึ่งเป็นความจริงอย่างยิ่ง บางคนอาจจะเป็นคนเถรตรงเสียจนคนอื่นกลัว บางคนอาจเผลอพูดไม่คิดจนทำให้หลายคนไม่พอใจ
หรือบางคนก็จริงใจเสียจนประดิษฐ์คำพูดไม่เป็นในชีวิตจริงสิ่งที่ทำให้คนเจ็ บป วด ได้มากไม่แพ้ใครคือ ‘คำพูด’ ยิ่งเป็นคนที่รู้จักมักจี่สนิทชิดเชื้ อกัน ยิ่งต้องรักษ าน้ำใจเพราะคนเราอ่อนไหวต่อคำพูดไม่เท่ากัน จึงต้องระมัดระวังในการสื่อส ารมากขึ้นไปอีก
วันนี้เรามี 5 ข้อแนะนำให้กับ ‘คนตรงๆ’ ลองปรับใช้ในการสนทนา เพื่อให้ดูเบาลงแต่ยังคง ประสิทธิภาพในการสื่อส ารอยู่ได้ค่ะ
ต้องมีศิลปะในการพูดสักนิด
ต้องระลึกไว้เสมอ ว่าการพูดตรงๆ ไม่ใช่การใช้คำหย าบคายหรือแข็งกระด้าง แต่เป็นการรู้จักพูดให้ตรงประเด็น รู้จักเรียบเรียงประโยค หรือคำพูดให้กระชับ เข้าใจง่าย ไม่ใช่อ้อมค้อมเสียจนน้ำท่วมทุ่งเพียงเพื่อต้องการจะรักษ าน้ำใจคนฟัง
การเป็นคนตรงๆ แบบที่คนอื่นจะไม่เกลีย ด ต้องรู้จักใช้วาทศิลป์ ปรับคำให้ละมุนละม่อมแต่ยังคงใจความที่ต้องการ พูดออกไปได้อย่างครบถ้วน
ตัวอย่าง สถานการณ์
A: งานนี้คุณทำคนเดียวไม่ไหวหรอก อย่าพย าย ามเลย
B: คุณลองทำงานนี้ดูก่อนแล้วถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกได้เลยนะ
จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ประโยค มีความหมาย ไปในทางเดียวกัน แค่เพียงเลือกใช้ คำที่นุ่มนวลลงมาหน่อย ก็จะทำให้บรรย ากาศการสนทนาดีขึ้นเป็นกอง
ฟังและคิดให้มากกว่าพูด
ว่ากันว่าการพูดตรงเกินไปจนทำร้ ายจิตใจ ผู้อื่นนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากที่คนพูดโฟกัสกับข้อความที่จะสื่อส ารมากเกินไปจนละเลยบริบทอื่น โดยเฉพาะความรู้สึกของคนฟัง จากคนพูดตรงอาจกลายเป็นคนพูดจาขวานผ่ า ซ ากไปได้
อย่าลืมว่านี่คือ คน ไม่ใช่หุ่นยนต์ เวลาจะพูดจะจากันต้องคำนึง ถึงสิ่งที่แวดล้อม เราอยู่ด้วยโดยเฉพาะการรับ ‘ฟัง’ คือหัวใจสำคัญ เพราะบ่อยครั้งคนที่พูดตรง มักจะใช้เวลาพูดเรื่องที่ตัวเองคิดมากกว่าฟังสิ่งที่คนอื่นกำลังพูดอยู่ นั่นอาจทำให้เกิดปัญหาได้
เมื่อฟังแล้วก็ต้องรู้จัก ‘คิด’ ด้วย คิดในที่นี้หมายถึงคิดตาม ไม่ใช่คิดแทนเขา แล้วจึงค่อยร้อยเรียงสิ่งที่ตนเองจะสื่อส ารออกไปคิดก่อนพูด แต่ไม่ต้องพูดทุกอย่างที่คิด
ใช้เหตุผล ไม่ใส่อารมณ์
เมื่อไหร่ที่ใช้อารมณ์นำทาง แล้วสถานการณ์อาจจะแ ย่ลงได้ทุกเมื่อ การสื่อส ารที่ดีควรอยู่บนพื้นฐานของหลักการ และเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม
ยิ่งมีใครคนใดคนหนึ่งที่พูดตรงเสีย จนลืมว่าต้องถนอมน้ำใจกัน ยิ่งทำให้อารมณ์เสียง่ายขึ้นไปอีก อาจกลายเป็นไฟลามทุ่งได้
รู้จักกาลเทศะ และใช้คำพูดให้เหมาะสมกับผู้ฟัง
อย่างที่บอกว่าการพูดตรง ประเด็นเลย ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ต้องรู้จักใช้คำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และกับสถานะของคู่สนทนา บางคนอาจเป็นคนอ่อนไหวมาก หากพูดอะไรไปจี้ใจดำ กับอาจบานปลายกลายเป็นความบาดหมางกัน
เพราะฉะนั้นต้องทำความรู้จักผู้ฟังก่อนสักนิด โดยสังเกตจากคำพูด ของเขาก่อนก็ได้ ว่าเป็นคนประมาณไหน จริงจังหรือล้อเล่นได้มากน้อยแค่ไหน แล้วจึงนำมาปรับให้เข้ากับการสนทนาอีกครั้ง
เอาใจเขามาใส่ใจเรา
หมั่นสังเกตตัวเราเอง และบุคคลอื่นว่าในระหว่าง การสนทนานั้น เรารู้สึกอย่างที่ได้ยินประโยคแบบนั้น
ไม่พอใจหรือเปล่า รุ นแร ง เกินไปไหม หรือมีวิธีอื่นที่สามารถแสดงออกไปแล้วดูดีกว่าคำพูดนั้นหรือไม่
เพราะการที่ใช้ตนเองเป็นกระจกสะท้อนแบบนี้ จะยิ่งทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากยิ่งขึ้น รวมถึงสังเกตท่าทีของผู้อื่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน แล้วในวงสนทนาครั้งต่อไป เราจะรู้จักการประนีประนอมและระวังคำพูดมากกว่าเดิม
การเป็นคนพูดตรงที่ถูกต้องคือต้องไม่ก้ าวร้ าว ไม่หย าบ ค าย เพียงแต่พูดตรงประเด็น เ นื้ อๆ ไม่น้ำ รักษ าน้ำใจคนฟังอยู่เสมอ เหมือนที่เราอย ากได้ยินอะไรจากคนอื่น
เราก็ต้องพูดเช่นนั้นกับคนอื่น ด้วยเช่นกัน อย่างคำสอนที่ว่า ‘อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด’
ขอขอบคุณ t o d a y.l i n e.m e